Saturday, February 14, 2009

เมื่อวานวันเกิด

ขอฉลองวันเกิด เมื่อวานด้วย บทความของเขาคนนี้ จากหนังสือที่ชื่อว่า ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 5

....................................................................................

ว่า กันว่า เมื่อใช้ชีวิตไปได้ระยะหนึ่ง คนเราควรหาเวลาอยู่นิ่งๆ เพื่อทบทวนเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องที่ผ่านเลยในอดีต และที่กำลังดำเนินไปในปัจจุบันเพราะเวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็ว บางทีเราอาจเพลิดเพลินหรือมัวแต่หมกมุ่นกับกิจกรรมในแต่ละวัน จนละเลยหรือหลงลืมรายละเอียดมากมายบางที ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม เราอาจจะเผลอไผลกลายเป็นคนแบบที่เราไม่ชอบโดยไม่รู้ตัว บางทีเราอาจมองข้ามความสำคัญของคนบางคนหรือของเหตุการณ์บางเหตุการณ์ไปอย่าง น่าเสียดาย และบางที เราอากำลังหลงทางมัวแต่ลุ่มหลงกับการลูบคลำในความมือเพื่อหาทางออก จนไม่ทันสังเกตว่า ลูกบิดประตูรอเราอยู่ข้างหลังมาโดยตลอด

นั่นคือ สิ่งที่เราไม่ค่อยนึกถึง ไม่ค่อยให้เวลาทบทวน ไม่ใช่อดีตในความหมายของเหตุการณ์หรือความรู้สึกที่ "เกิดขึ้นแล้ว" หรือ "ผ่านพ้นไปแล้ว" แต่เป็นอดีตในความหมายของการ "ปะทะ" ระหว่างเรากับ "ปัจจุบันขณะ" ยกตัวอย่างเช่นความเศร้าสลด เรามักหวนนึกถึงเหตุผลที่นำความเศร้าโศกเข้ามาในชีวิตของเรา นึกถึงสถานการณ์ที่ตามมาเพราะความเศร้าโศก หรือ นึกถึงสภาพที่น่าสมเพชของเราเอง แต่วีธีย้อนอดีตที่น่าสนใจและอาจได้ประโยชน์ต่อชีวิตในปัจจุบันมากขึ้น คือการหวนระลึกว่าในขณะที่ความเศร้าโศกนั้นเดินทางมาปะทะเรา ในขณะที่มันยังเป็น "ปัจจุบัน" เราจัดการกับปัจจุบันนั้นอย่างไร

ในระยะเวลาหลายปี ผมพบว่าความเชื่อต่างๆของผมขัดแย้งกันเอง และกำลังมุ่งไปสู่การขาดไร้ซึ่งความเชื่อยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

อาจ เป็นไปได้ว่า แม้ผู้รักสันโดษที่สุดในโลก ก็ไม่สามรถยอมรับว่าตัวเองเดียวดายอ้างว้าง พระเจ้าหรือความเชื่อใน "สิ่งที่เหนือกว่า" จึงต้องปรากฏขึ้นไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่งเสมอ

ใน แง่ของการทำมาหาเลี้ยงชีพ การปราศจากความเชื่อเป็นเรื่องอันตรายที่เริ่มสร้างความหงุดหงิดให้ผมในบาง ครั้ง การเขียนหนังสือจำเป็นต้องพึ่งพาความเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนบทความหรืองานวิพากษ์วิเคราะห์ที่จำเป็นต้อง คลี่คลายสู่คำตอบสักข้อหรือทางออกสักแห่ง คนไม่มีความเชื่อไม่สามารถแสดงความเห็นอะไรได้ชัดเจน คนที่ดูหนังได้โดยไม่มีความรู้สึกชอบหรือเกลียดคงไม่สามารถเขียนบทวิจารณ์ ที่น่าสนใจได้บ่อยนัก การเขียนนวนิยายโดยไม่ชี้นำความรู้สึกหรือปรัชญาใดๆเลย ก็จะไม่ใช่นวนิยายที่เข้มข้นน่าประทับใจ (กระทั่งนวนิยายประเภทรักโรแมนติกอย่างน้อยก็ต้องแสดงความเชื่อว่าการมีความ รักเป็นสิ่งดี) รวมถึงการเขียนจดหมายโต้ตอบระหว่างกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีแรงจูงใจให้พูดถึงอะไรเป็นพิเศษ ก็คงไม่มีการ
"สื่อสาร" เกิดขึ้น

ที่ ว่าอันตรายและหงุดหงิด เป็นเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะฝักใฝ่ชีวิตที่ปราศจากความเชื่อเข้าไปทุก วัน ในบางอารมณ์ผมรู้สึกว่า ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากกลับไปเขียนเติมลงในงานเขียนที่ผ่านมาทุกชิ้นของผมว่า "ความเห็นในงานเขียนชิ้นนี้ไม่มีความจริงผสมอยู่"

อันตรายเพราะผมคง ทำงานนี้ต่อไปได้อีกไม่นาน และน่าหงุดหงิดตรงที่ผมไม่รู้ว่าคนที่ปราศจากความเชื่อจะสามารถไปทำอะไร อย่างอื่นนอกจากนอนรอความตายอยู่นิ่งๆ

ในการเป็นมนุษย์และการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ ความเชื่อเป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้นๆ

ผมคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่ หสกยังปล่อยให้ความเชื่อหดหายไปเรื่อยๆ

การต้องเปล่งคำพูดออกมาเป็นความหมายที่ตังเองไม่ค่อยเชื่อ เป็นเรื่องน่าลำบากใจและค่อนข้างทรมานอารมณ์

ผมชักไม่ค่อยอยากตอบคำถามใคร เพราะคิดว่าสิ่งที่ผมตอบก็ต้องเป็นความเชื่อที่ไม่จริงอยู่วันยังค่ำ

การ "ทบทวนตัวเอง" ของผมในครั้งนี้ จึงเป็นการพยายามเฟ้นหาลู่ทางที่จะ "ปราศจากความเชื่ออย่างสมดุล" หรือถ้าจะให้เรียกตามเทรน์หน่อย ก็ต้องเป็น "ปราศจากความเชื่ออย่างพอเพียง"

การทบทวนตังเอง การนึกย้อนถึงอดีต และการครุ่นคิดถึงผลลัพธ์ในปัจจุบัน อาจเป็นเรื่องดีที่เราจำเป็นต้องทำจริงดังที่ "เชื่อ" ตามกันมาช้านาน แต่ทว่าในการกระทำเช่นนั้น เราอาจนึกถึง "ตัวเอง" มากเกินไป

สิ่งที่อาจช่วยให้ผม "ปราศจากความเชื่ออย่างพอเพียง" ได้ คือ การเห็นพลังความเชื่อในคนอื่น

ผมอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมรู้สึกประทับใจและตื่นเต้นเสมอเมื่อผมได้พบกับคนที่ "เชื่อจริง"

บางทีความหมายของการมีชีวิตอาจไม่ใช่คำถามที่ว่าตัวเราเป็นอย่างไร บางทีการได้เห็นคุณค่าบางอย่างในตัวคนอื่นอาจสำคัญกว่า



ปราบดา หยุ่น
กุมภาพันธ์ 2550

.......................................


อาจจะดูห้วนๆ ไปหน่อย เพราะเป็นการคัดย่อเฉพาะ ประโยคที่โดนใจ เจ้าของวันเกิดเท่านั้น Wink

สุขสันต์วันเกิด เมื่อวาน 13 กุมภาพันธ์ 2552 Birthday cake

1 comment:

joesk121 said...

เห็นด้วยอย่างยิ่ง
และกำลงมากขึ้น
Non-religion

แต่ด้วย ปรัชญาทางพุทธเอง ก็เอื้อให้เกิดเช่นนี้หรือเปล่า
แต่ถ้าเป็นอื่นๆ เค้าก็ไม่ได้เอื้อให้เกิดเลย

จึงเกิดปรากฏการณ์
แหกคอกอย่างชัดเจน กว่าคนที่เป็นพุทธ
ในขณะเดียวกัน คนที่เป็นพุทธ ก็งมงายเสียเหลือเกิน

ความแตกต่างอย่างสุดขั้ว