Wednesday, December 3, 2008

เรื่องเล่าของผมกับโซฟีที่เดินตามไป

หลายอาทิตย์ก่อน ผมไป trip กับที่ทำงาน ไปดู site ที่หัวหิน
ขากลับมาแวะที่หัวหิน บ้านของเจ้านาย คืนนั้นมีกินข้าวเย็นกับร้าน
ของลูกค้าที่ทำอาหาร มีแขกมา 2-3 คนเห็นจะได้ เป็นพวกฝั่ง
ยุโรป ถ้าจำไม่ผิด ฝรั่งเศษ

ในวงสนทนาฟังรู้เรื่องแต่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไม เพราะเขากำลังคุยกันเรื่อง
ปรัชญาล่ะมั้ง ชื่ออะไรต่อมิอะไรพรั่งพรู้ออกมาเต็ม ไม่รู้จักซักคน และแล้ว
ด้วยความที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในวงนั้นด้วย เลยถามว่า

"Did you ever read Sophi's world?"

พวกนั้นทำหน้าตากระตือรือร้อมาพูดด้วยทันที
"Yes, Yes lovely."

ผิดคาด แต่ท้ายที่สุดผมก็ได้อยู่นั้น
พวกเขาไม่ได้คุยใจความในหนังสือนั้นเลย เพียงแค่บอกว่า หนังสือดีนะ
เค้าเอาไปเรียนกันใน class ในมหาวิทยาลัยที่ยุโรป

เอาเข้าจริงๆ ผมก็จำไม่ได้ว่าได้อะไรจากหนังสือนั้นบ้าง เพราะจำไม่ได้จริงๆ
บอกไม่ได้เลย แต่รู้ว่าเธอตามผมมาแบบระยะกระชั้นชิดเสมอมา ตั้งแต่อ่าน
หนังสือเล่มนั้นจบ อาจจะต้องมีใครมาสะกิดต่อมหรือติ่งอะไรซักอย่าง เพื่อที่
จะรื้อฟื้น หากแต่อยู่ดีๆจะนึกขึ้นมาเองก็น้อยมาก หรือถ้านึกได้ ก็รู้สึกเฉยๆ
ไม่ได้ดีใจอะไร แต่ที่ดีที่สุดนั้นคือ เรารู้ว่าเขาอยู่ข้างๆเรา โซฟีที่รัก

บางวันที่รักก็อาจเป็นที่รักของคนอื่นด้วยเช่นกัน ผมเห็นคนกอดเธออยู่ข้างถนน
บางคนอุ้มเธอ บางทีเธอไปขี่คอใครซักคน แต่เมื่อผมมองกลับมา เธอยังอยู่ที่เดิม
ผมประสาทหลอนไปหรือเปล่า

คงไม่ โซฟีคงมีอีกหลายคน

Tuesday, December 2, 2008

อ่านหนังสือเล่มไหนแล้วพาใจสุข

โลกของโซฟี

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ฉันอ่านแล้าพาใจสุขมากที่สุด เพราะเป็นสองเล่มที่ช่วยตอบคำถามต่างๆนานาที่ฉันชอบสงสัยมาตลอดเวลา

เมื่อฉันยังเด็ก ฉันเป็นคนร่าเริง ใครพูดอะไรนิดอะไรหน่อยฉันก็หัวเราะได้ตลอดเวลา แต่เมื่อฉันโตขึ้น มีเหตุการณ์ที่ฉันต้องย้ายบ้าน เนื่องจากลูกชายของเจ้าของบ้าน เค้าถูกรถชน แม่ของเค้าจึงต้องการเงินเพื่อที่จะมารักษา ก็เลย ต้องขายบ้านที่แม่ฉันเช่่ามา เกือบ 20 ปี สำหรับฉัน 15 ปี ครอบครัวของฉันเลยต้องย้ายบ้านออกไป

เมื่อฉันรู้ว่าต้องย้ายบ้านมันมีความรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมเราต้องย้าย ฉันถามแม่ว่า ทำไมแม่ไม่ซื้อบ้านหลังนี้ไปเลย คำตอบที่ฉันได้ มันก็ไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ ฉันอาจจะเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ คำถามที่เกิดขึ้นในใจฉันมากมาย มันเป็นเพราะ ฉันไม่อยากย้ายจากบ้านหลังที่ฉันเคยอยู่มาตั้งแต่เกิด ฉันผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก แต่ความจริงก็คือความจริง ในหัวสมองของฉันก็ยังคงมีคำถามที่ต้องการคำตอบอยู่ดี

เมื่อฉันย้ายบ้าน ต่อไปใครจะมาอยู่บ้านหลังนี้ เค้าจะรู้มั๊ยว่า คนก่อนที่เคยอยู่ คือฉัน แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน ใครจะเคยมาอยู่ก่อนฉันจะมา เวลาฉันนั่งรถผ่านแล้วมองคนอื่นๆ ฉันก็จะเริ่มถามว่า เค้าอยู่ที่นี้กันมาตั้งแต่เกิด รึเปล่านะ เค้ามาอยู่ต่อจากคนอื่น เค้าไม่รู้สึกอะไรกันเลยเหรอ ป้าที่ขายน้ำพริก ที่ฉันเคยขี่จักรยานไปซื้อทุกวันก็อดกินสิ แล้วน้ำพริกเจ้าอื่นในระแวก ที่ฉันกำลังย้ายไปอยู่ จะอร่อยเท่าป้าประดับนี้มั๊ย จะไม่มีซอยเล็กๆให้ฉันขี่จักรยานเล่นอีกแล้ว ฉันจะไม่ได้ไปเล่นขายของกับเพื่อนข้างบ้านอีกแล้ว คนแถวๆนี้ก็คงลืมฉันเมื่อฉันโตขึ้น

แล้วสิบปีต่อไป ที่ตรงนี้มันจะเปลี่ยนไปยังไง ยี่สิบปีล่ะ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว ป๊ากับแม่ล่ะ คนที่ฉันเคยรู้จัก เค้าจะทำอะไร อยู่ที่ไหนกัน แล้วต่อไปล่ะ แล้วร้อยปีต่อไปล่ะ ฉันก็คงจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว แล้วทุกๆคนก็ต้องหายไป ฉันจะรู้สึกวูบทุกครั้ง ที่ฉันคิดเรื่องเหล่านี้ จนต้องรีบหายใจขึ้นมา

คำถามมันเริ่มมีมากขึ้นและต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน เวลาไหน เมื่อมันมีการหยุดนิ่งและอะไรก็ตามที่ฉันมองเห็น ฉันก็จะสงสัย หรืออดสงสัยไม่ได้ ไส้ดินสอที่ฉันกำลังใช้มันอยู่นี้ เดี๋ยวมันก็จะหมด ฉันก็ต้องไปซื๊อ เมื่อมันหมดจากห้าง ห้างก็ต้องไปสั่งซื๊อ จากแหล่งผลิต แล้วแหล่งผลิตนั้นมันอยู่ที่ไหน แล้วมันมีแหล่งผลิตนี้มาได้ยังไง คำถามของฉันมักจะเริ่มต้นจากคนละที่ คนละทาง แต่ในตอนจบของคำถามมันจะกลับมาที่เดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไหน

จนวันนึงฉันได้ไปเจอหนังสือเรื่อง โลกของโซฟี มีคนแนะนำฉันให้อ่าน ตอนที่ฉันได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันก็อายุ 22 ได้แล้ว เพียงแค่ บทเริ่มต้น ฉันก็ต้องรีบอ่านบทต่อๆไป เพราะฉันคิดว่าฉันจะเจอคำตอบ
ฉันรู้สึกว่าฉัน เหมือนโซฟี และฉันก็คิดว่าใครหลายๆคนก็ เหมือนโซฟี เพราะเมื่อวันนึงเราโตขึ้น เราก็จะต้องผ่านประสบการณ์ต่างๆ จนประสบการณ์เหล่านั้น มันสร้างความสงสัยใคร่รู้ให้กับพวกเรา ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบภายใน สามสี่วัน เมื่อฉันอ่านจบ ฉันก็เข้าใจอะไรขึ้นเยอะมากมาย ฉันมีคำตอบ ฉันโล่งใจ ฉันสบายใจ ฉันสุขใจ ที่ฉันได้รู้ว่า เมื่อฉันจากโลกนี้ฉันก็ยังจะอยู่ในนี้ อยู่ในจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ฉันไม่ได้หายไปไหน ฉันยังอยู่กับป๊ากับแม่ กับพี่ฉัน กับเพื่อนๆของฉัน กับคนที่ฉันเคยรู้จักมา ฉันยังอยู่ในคนรุ่นหลังๆ ได้มองฉันจากโลกที่ฉันก็เคยเหยียบมัน มาที่ท้องฟ้า และพวกเค้าก็จะเห็นฉันอยู่ที่ตรงนี้ ฉันไม่ได้หายไปไหน

Monday, December 1, 2008

หรือมันก็แค่หน้าที่

วันนี้ แค่ คิดเกี่ยวกับว่า

จะวันพ่อแล้ว

จะทำอะไรให้ป๊าดี

คิดออกว่า

อยากพาป๊าไปดูหนัง

แต่อยู่ดี ความคิดบ้าๆมันก็เกิดขึ้นตามมาติดๆกัน

ทำไม ต้องพาป๊าไปดูหนังด้วย

ทำเพราะ อยากให้ป๊า มีความสุข ที่ลูกของป๊าพาไปดูหนัง

หรือว่า ทำไปเพราะ เราเป็นลูก วันพ่อ ก็ต้องหาอะไรทำใหเค้าบ้าง

ความคิดมันก็เลย เลยเถิด เตลิดเปิดเปิง ไปกันใหญ่

ว่า

หรือ ทุกวันที่เราทำไป

มันก็แค่ หน้าที่ ที่ต้องทำ

เป็นลูก ก็ต้อง กตัญญู

เป็นพี่ ก็ต้อง ดูแลน้อง

เป็นน้อง ก็ต้องเชื่อฟังพี่

เป็น นักเรียน ก็มีหน้าที่เรียนให้ดี

เป็น ครู ก็ต้อง สอนแต่สิ่งดีๆ พานักเรียนไปให้ถึงฝั่ง จากนั้นมันจะเป็นยังไง ก็........

เป็นเพื่อน ก็ต้อง.............

เป็นแฟน ก็ต้อง.............

เป็นลูกน้อง ก็ต้อง...........

ใครเป็นอะไร มีหน้าที่อะไร ก็ต้อง.............

หรือว่า ไม่ใช่แบบนั้น

..................

วกวน ตลอดเวลา