ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้ผมถึงได้คิดถึงความรู้สึกเหงามากครั้งเหลือเกิน
หรืออาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ตัวคนเดียว
แต่คงไม่ถูกนักหากเราจะเหมารวมดื่อๆอย่างนั้น
บ่อยครั้งไม่ใช่หรือที่เราก็เหงาอยู่ลึกๆเวลาอยู่กับคนอื่น
เพราะฉนั้นผมจึงตกลงใจตัดประเด็นนี้ทิ้งไปเสีย
และแล้ว ผมก็รู้ เราหากแต่ไม่มีจุดประสงค์
-- ถ้าจะให้เรียกอย่างเป็นทางการ --
จริงๆแล้วผมชอบเรียกมันว่า สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
ดูจะเป็นสิ่งที่ตรงกับใจผมมากที่สุด
ในคำภีร์ไบเบิ้ลของชาวคริสเตียนเขียนไว้ดังนี้
“For where your treasure is there your heart will be also”
Matthew 6: 20-21ผมแปลอย่างตรงตัวว่า สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจเราอยู่ที่นั้น
แต่
ผมไม่ชอบ เพราะเข้าใจยากมาก และกลับกันง่ายเกินไป
ผมแอบทำตัวฉลาด ตีความใหม่ว่า
เมื่อใจเราอยู่ที่ไหน ตัวเราก็อยู่ที่นั้น
น่าจะดูเหมาะสมกับตัวเองที่สุด
เหมือนคนทั่วไป -- คิดว่า --
ในยุคสมัยของความเร่งรีบ ฉาบฉวย ไร้สัจจะ และหยาบกระด้าง
หรืออะไรก็ตามแต่คนจะให้คำจัดกัดความ เรามีความเหงากันทุกคน
เนื่องจากไม่มีสิ่งที่ผมเรียกว่า ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
บางผู้ คน -- โปรดสังเกตุ คำนามล้วนเป็นเพศชาย --
บอกว่าศาสนาป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว ผมตอกกลับไป
จริงหรือ แน่ใจนะ อาจจะจริงก็ได้ใครจะไปรู้
แต่ที่แน่ๆต้องถามว่า แล้วพวกเขาเหล่านั้น
เหนี่ยวยึดกับสิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวหรือเปล่า
เหมือนการที่โลกหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์
หากโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเอง มันจะเป็นอย่างไร
เหมือนคุณประพาส แต่งเพลงเธอหมุนรอบตัวฉัน ฉันหมุนรอบตัวเธอ
ยังไงยังงั้น
หรือ เป็นที่ความเร็วของสังคม
จะเร็วไปทำไม รีบอะไรนักหนา ชีวิตมันสั้นขนาดนั้น
อย่างที่ใครๆเขาว่ากันจริงใช่หรือไม่
ไม่จริง -- ผมคิดว่า --
ทุกวันนี้ ผมหมายถึงปัจจุบันขณะ
เราแทบเบื่อชีวิตของตัวเองในแต่ละวันอย่างไม่น่าเชื่อ
เวลามันช้าจะตายเมื่อเรานั่งทำงานอยู่ที่ตึกระฟ้า
ไม่จริงอีกเช่นกัน -- ผมคิดว่า --
ที่เราบอกกับตัวเองว่า เมื่อเราทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือสนุกกับมัน
แล้วจะทำให้เวลามันเร็ว
เวลามันก็เดินไปตามที่มันควรจะเดินแบบนั้น ไม่มีใครไปเร่งมัน
พระอาทิตย์ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางตะวันตก
พระเจ้าให้เวลามาเท่ากัน ไม่ว่าคนๆนั้นจะดีหรือเลวแสนสาหัส
มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยคุยให้ฟังว่า ใจของผมอยู่ที่ครอบครัว
ผมไม่เข้าใจ แอบปนไม่เชื่อ ใครก็พูดได้ ใครๆก็รักครอบครัวกันทั้งนั้น
แกเล่าต่อ หากครอบครัวของแกมีปัญหาอะไร
ไม่ว่าเวลาไหน ถึงแกจะทำงานอะไร สำคัญแค่ไหน
แกพร้อมละ ทิ้ง สิ่งนั้น แล้วกลับไปหาได้ในทันที
ผมเข้าใจ ผมว่าแกคงไม่เหงาเหมือนเราๆนี่หรอก
ผมถามตัวเองใหม่ ใจเราอยู่ที่ไหน
ผมสรุปได้ว่า เราไม่ได้หาที่อยู่ของหัวใจหรอก
หัวใจของเรามันไปที่ที่มันควรจะอยู่ตั้งนานแล้ว
เราแค่หามันไม่เจอ มันคงจะเศร้าและเหงาเหมือนกัน
คนที่เป็นเจ้าของยังไม่มาหาซักที แต่มันก็ไม่เคยตะโกน
เรียกร้อง โหยหา เราเลยแม้แต่น้อย
เพราะมันมีวุฒิภาวะมากพอที่จะเรียนรู้เรื่องการรอคอย
บางคนหาทั้งชีวิต ก็ยังหาไม่เจอ ไม่รู้ทำไม ของๆเราเองแท้
-- ที่พูดนี่ ไม่ได้ด่าใครและไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน --
บางครั้ง หัวใจของเราก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปทั่ว
เหมือนเม็ดทรายบนหาดชายทะเล บ้างเป็นกลุ่มก้อน
บ้างเป็นเปลือกหอย และบ้างเป็นเศษขยะเหลือเดน
ไม่มีใครแม้กระทั่งที่จะเก็บไปทิ้ง
แล้วเราก็เดินเรื่อยเปื่อยอยู่อย่างนั้น นานๆครั้งจะมองลงมา
แล้วก็ผ่านไป คิดว่าคงเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเราหรอก
ไม่สิ มันเหมือนๆกันหมด แยกไม่ออก ทรายก็คือทราย
มันไม่แยกประเภทเด่นชั้นว่านั้นของฉัน
ผมว่า ผมต้องไปตามหาที่อยู่หัวใจตนเองบ้างแล้ว