เพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้จบมาหมาด
Bartleby, the Scrivener: A Story of Wall-Street By Herman Melville
พัจนภา เปี่ยมศิลปกุลชร แปล ปราบดา หยุ่น บทกล่าวตาม
อยากจะเอามาเล่าให้ฟัง
เป็นหนังสือชุด วรรณกรรมในวงเล็บ 01 (02 คือเรื่องของ Samuel Beckett เรื่องที่เราเอาปกหลังของหนังสือเล่มนี้มาเป็น หัวข้อแรกของ blog นี้ไง แต่ยังอ่านไม่จบอันนั้น มีความมึนนิดหน่อย)
ต่อๆ ก็อ่านเล่มนี้จบก่อนเพราะอินไปก่ะเรื่องด้วยมั้ง
ประโยคทีเด็ดสำหรับเราคือ
"การทำสิ่งนั้นมันเป็นการกักขังเกินไป ไม่ครับ ผมไม่ต้องการเป็นเสมียน แต่ผมก็ไม่ได้เจาะจงอะไร"
อยากรู้มากกว่านั้นให้ลองเข้าไปอ่านย่อๆในเว็บลิ๊งค์นี้
http://www.faylicity.com/book/book1/scrive.html
สำหรับเรา
เราก็ไม่รู้ว่า การที่ตอนจบของ Bartleby มันเป็นแบบนั้น มันสมควรหรือไม่สมควร
แต่พอมองกลับมาที่ปัจจุบัน ที่ตัวเองแล้ว
การที่เราต้องทำงานอะไรอย่างเดียว มัน ใช่,สมควร,จริง (ไม่รู้จะใช้คำไหนดี) แล้วเหรอ
กับการที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สามารถเรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง
หรือแบบที่เค้าบอกว่า การที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก มันก็เหมือนกับการไม่ได้ใช้คำว่าทำงาน
แต่ก็มีไม่กี่คนที่จะหา งานที่ตัวเองรัก ที่อยากทำได้จริงๆ
เหมือนกับตอนนี้ ที่เราต้องทำงาน ต้องถูกกักขัง ด้วยความรู้ที่เราเรียนมา
มันก็ตอบยากเหมือนกันนะ ว่างานแบบไหนที่เราชอบและอยากทำโดยที่มีความเบื่อน้อยที่สุด
งานถึงแม้จะต้องบ่นซักแค่ไหน ต้องวุ่นวายกับมันแค่ไหน
เราก็ยังรักที่จะทำมันอยู่ดี
สำหรับเรา ขอให้ได้ทำงาน อะไรก้ได้ที่มันยังได้คิด ได้ออกแบบ
ได้มีความรู้ใหม่ๆ แต่ถามว่าอยากเป็น interior designer มั๊ยก็ตอบไม่ได้ว่ะ
เพราะ "การทำสิ่งนั้นมันเป็นการกักขังเกินไป ไม่ครับ ผมไม่ต้องการเป็นเสมียน แต่ผมก็ไม่ได้เจาะจงอะไร"
...................................................
สุนทรียศาตร์ยุคคลาสสิก :: ศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
16 years ago